สน.เอกชน นักสืบที่ดีที่สุด
เรื่องเล่าของ สน.เอกชน
ในการจ้างสืบหาอะไร ทำไมจึงต้องปกปิดชื่อผุ้จ้างและผู้รับจ้าง?
สืบเนื่องมาจากว่าปกติผมทำอาชีพเกี่ยวกับงานสืบสวนมาตลอดชีวิตทำให้ทราบว่างานเหล่านี้เปรียบเสมือนดาบ 2 คม ถึงแม้ว่าเราจะทำงานตามกฏหมายและหาคนผิดมาลงโทษ แต่อีกฝั่งหนึ่งมักจะไม่คิดแบบนั้นและอาจจะทำให้เกิดปัญหาทั้งผู้จ้างและผู้รับจ้างได้ ทางเราจึงต้องรักษาความปลอดภัยแก่ท่านทุกทางที่เราจะทำได้
เพื่อนเคยใช้บริการเรื่องเช็คที่นี้แต่ทำไมราคาค่าจ้างถูกกว่า
การสืบสวนหาบุคคลทางเราจะมุ่งเน้นดูผู้ที่เราจะติดตามเป็นหลัก ซึ่งหากงานมีความยากและต้องใช้ค่าใช้จ่ายเยอะ เช่น การออกต่างจังหวัด, การใช้คนติดตามหนี้สิน, การตามหาบุคคล ดังนั้นราคาจึงอาจจะถูกแพงตามลักษณะงาน
คดีข้าราชการ
ตอนที่กระผมได้ไปจดทะเบียนจัดตั้ง สน.เอกชนมาใหม่ ๆ ผมมีความคิดว่าจะทำอย่างไร จึงจะทำให้มีคนรู้จัก สน.เอกชน ให้มาก ๆ และคิดได้ว่า สน.เอกชนควรจะมีเว้ปไซด์ของตัวเอง ผมจึงได้ไปปรึกษากับคุณต๊อดโดยน้องชื่อไก่แนะนำต่อมาอีกทีหนึ่ง บ้านของคุณต๊อดอยู่ใกล้ ๆ กับบ้านของผมด้วย จึงสะดวกในการติดต่อ หลังจากที่น้องต๊อดได้หลวมตัวตกลงที่จะทำเว้ปไซด์ให้ สน.เอกชน เพราะทนการ รบเร้าของผมไม่ไหว เนื่องจากตัวเขาไม่ค่อยที่จะมีเวลาว่าง และเลิกเขียนเว้ปมาเป็นปีแล้ว(จริง ๆแล้วเขามีธุรกิจอื่นที่มีรายได้มากกว่า) จากนั้นผมก็ต้องนำข้อมูล ภาพถ่าย และเอกสารต่าง ๆ ที่จะนำเข้าไปบรรจุลงในเว้ปไซด์ ไปให้คุณต๊อดอยู่บ่อยมาก
วันหนึ่งคุณต๊อด ก็ถามว่า สน.เอกชน นี่รับว่าความด้วยไหมพี่ ผมเลยถามว่ามีเรื่องอะไรล่ะ คุณต้อดจึงได้เกริ่นนำว่าน้องชายเขาชื่อต้อง รับราชการอยู่กระทรวงแห่งหนึ่ง มีตำแหน่งหน้าที่สำคัญ ประจำอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน น้องคนนี้เป็นนักเรียนทุน และเป็นดาวรุ่งของกระทรวง ชื่อคุณต้อง อายุเพียง 36 ปี แต่เป็นข้าราชการในระดับซี 6 แล้ว เรียกได้ว่าเป็นคนหนุ่มที่มีอนาคตก็ว่าได้ แต่ตอนนี้ถูกฟ้องอยู่ในข้อหา หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และกรรโชก..! ซึ่งไปถามทนายมาหลายสำนักแล้ว มีแต่เขาว่าอย่างไรก็แพ้ เพราะทางผู้เสียหายเขามีหลักฐานชัดเจน ผมเลยให้คุณต้อดขยายรายละเอียด ให้ชัดเจนดูซิว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร คุณต้อดจึงได้เริ่มเล่าเรื่องว่า คุณต้องน้องชายไปติดพันธ์สาวสวยคนหนึ่งชื่อปริม หรือคุณปริมประภา มีอาชีพเป็นแอร์โฮสเตสของสายการบินเล็ก ๆแห่งหนึ่ง เธอหน้าตาดีและหุ่นดี ซึ่งใคร ๆ ก็อยากได้เป็นแฟน และจริง ๆ แล้วเธอก็มีคนมาชอบเยอะมาก คุณต้องโทรไปหาเธอเป็นบางครั้ง ครั้งหนึ่งเธอบ่นว่ากำลังอกหักเพราะถูกผู้ชายทิ้ง คุณต้องก็ได้ปลอบใจเธอไป ว่าหน้าตาสวย ๆอย่างนี้ อีกไม่นานเธอก็จะหาแฟนใหม่ได้ไม่ยาก คุณปริมก็เลยบอกว่าเธอเบื่อมาก เพราะมีแต่คนมาจีบเยอะแยะแต่หาคนจริงใจกับเธอไม่ได้เลย คุณต้องก็ได้แต่ปลอบใจเธอต่าง ๆ นานา อยู่ ๆ เธอก็เปรยขึ้นมาว่า หรือเราจะเริ่มคุยกันบ้างดีไหม คุณต้องถามว่าใคร ก็พี่กับหนูไง ไม่รู้เรื่องอีกเหรอ หรือพี่จะไม่เอา เท่านั้นแหละครับ ดั่งสวรรค์ตกใส่ เพราะคุณต้องเคยได้แต่เพ้อมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ไม่เคยคาดคิดว่าโอกาส ทองที่จะถูกล้อตตารี่รางวัลที่1 เช่นนี้ จะเข้ามาเยือน เลยตอบแบบอ้อมแอ้มไปว่า เอาซิจ๊ะ ไม่เอาได้ไง พี่แอบชอบน้องปริมมานานแล้ว เท่านั้นแหละครับเหตุการณ์ต่าง ๆ ก็ได้เริ่มต้นขึ้น โดยฝ่ายชายก็ได้โทรหาฝ่ายหญิงทุกวันดั่งต้องมนต์ ความรักก็เริ่มสานต่อ พอฝ่ายชายได้มีวันหยุดก็รีบกลับมาเมืองไทยทันที่ เพราะรักรออยู่ ความสัมพันธ์ต่าง ๆ ก็รวดเร็วมากจนแทบหายใจไม่ทัน
ด้วยความหลงใหล ในกลิ่นข้าวใหม่ปลามัน(ตามสุภาษิตไทย) จนไมอยากจะห่าง ฝ่ายชายได้พาไปเที่ยวยังประเทศที่ฝ่ายชายไปทำงานด้วยสิบวัน เมื่อกลับมาก็พาไปช้อปปิ้งและซื้อโทรศัพท์ซัมซุง รุ่นใหม่ล่าสุด ให้ฝ่ายหญิง โดยใช้บัตรเครดิตของฝ่ายชายรูดให้ ความรักของทั้งคู่เริ่มได้รวดเร็วกว่าโฆษณาทางทีวีที่ว่ามาเร็วเคลมเร็วเสียอีก แต่ก็ทำให้ฝ่ายชายได้มีความสุขดังขึ้นสวรรค์เลยทีเดียว เวลาแห่งความสุขก็ได้ผ่านไปเร็วมาก เพราะถึงวันที่ฝ่ายชายจะต้องกลับไปทำงานที่ประเทศเพื่อนบ้านอีกแล้ว ก่อนกลับฝ่ายหญิงก็ได้พูดเสนอมาว่า ตอนนี้เรามีอะไรกันก็เท่ากับสมติฐานว่าเราเป็นผัวเมียกันแล้ว พี่ต้องดูแลหนูด้วยนะ คุณต้องเลยถามแบบอารมณ์ดีว่าแล้วน้องจะให้ดูแลอย่างไรละ ฝ่ายหญิงจึงบอกว่า พี่ก็ต้องดูแลค่าใช้จ่ายของเมียเดือนละ 30,000 บาท ฝ่ายชายได้ยินคำว่าเมียก็ดีใจมาก เพราะว่าจะได้มีเมียกันก็คราวนี้แหละอุตส่าห์ครองโสดมานาน ในที่สุดสาวสวยหุ่นดีที่ตัวเองหลงแอบชอบมาเป็นเวลานานแล้วนำชีวิตมามอบให้ตนเป็นผู้ดูแลอย่างเป็นทางการ อย่าว่าแต่เดือนละสามหมื่นเลย เดือนละแสนก็ไม่อยากเกี่ยงงอน ฝ่ายชายก็ได้ควักกระเป๋านับเงินให้กับฝ่ายหญิงที่มีสมมติฐานว่าเป็นเมีย เป็นเงิน 3,000 ดอลล่าห์ (ธนบัตร 100 ยูเอสดอลล่าห์ 30 ฉบับ) โดยบอกกับฝ่ายหญิงว่า “พี่ให้ไว้ล่วงหน้าสามเดือนเลย” พร้อมทั้งควักบัตรเอทีเอ็มให้เธอไว้อีกด้วย บอกเธอว่า ถ้าเผื่อเงินไม่พอใช้ก็ให้กดเอาในเอทีเอ็มก็ละกันนะ เพราะพี่จะต้องกลับไปทำงานแล้ว ถ้าเงินหมดพี่จะเติมให้เรื่อย ๆ อุ๊ต๊ะ.. รักหนักหน่วงเลย
วันรุ่งขึ้นฝ่ายชายเดินทางกลับไปประเทศเพื่อนบ้าน พอถึงที่สนามบินปลายทาง สิ่งแรกที่ทำก็คือโทรศัพท์หาคนรักทันที แต่โทรไม่ติดเพราะสายไม่ว่าง หลังจากกลับถึงที่พักแล้วก็พยายามโทรหาอีกหลายรอบก็ไม่สามารถติดต่อได้ เพราะปลายสายไม่ว่างเลย จนกระทั่งเลิกงานฝ่ายชายได้โทรไปหาอีก ด้วยอารมณ์ฝ่ายชายได้ต่อว่าฝ่ายหญิงไปว่าโทรหาใครนักหนา ทั้งวันเลย ฝ่ายหญิงเลยบอกว่า “คุยกับผู้ชาย จะมีอะไรไหม” เท่านั้นฝ่ายชายยิ่งโกรธหนักเลยครับ เลยพูดกรอกโทรศัพท์ไปว่า”คุณทำอย่างนี้ ได้อย่างไร เอาโทรศัพท์ที่ผัวซื้อให้ไปคุยกับชายอื่น” หลังจากนั้นก็เกิดการโต้เถียงกันสักพักหนึ่ง ฝ่ายหญิงเลยปิดโทรศัพท์ เมื่อพยายามโทรหาแฟนสาวไม่ได้ ฝ่ายชายยังไม่ยอมลดละ จำได้ว่าฝ่ายหญิงมีอีเมล์ส่วนตัวอยู่ใช้ชื่อว่า ปริม@สไมล์แอร์ไลน์.คอมพ์ ฝ่ายชายเลยเขียนข้อความส่งไปในเมล์ของฝ่ายหญิงอีกว่า “คุณทำกับผมอย่างนี้ได้อย่างไร คุณหลอกผู้ชายแล้วทำ...อย่างนี้คุณจะต้องตกนรก ...ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วคุณเอาเงินมาคืนให้ผมเลย (.....จำนวนเงินบาท...) เท่านั้นแหละเป็นเรื่องสาวเจ้าเลยแค้ปหน้าจอ ว่าจ้างทนายฟ้องคดีต่อศาลโดยมีฝ่ายชายคือคุณต้องเป็นจำเลย ในข้อหา หมิ่นประมาทโดยการโฆษณาตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ และกรรโชก เหตุการณ์ก็เลยบานปลายไปถึงโรงถึงศาล
หลังจากที่ทั้งคุณต้อดและคุณต้องได้นำเรื่องไปปรึกษาทนายหลาย ๆ คน ทุกคนลงความเห็นว่าคุณต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบ น่าจะสู้คดียากเพราะมันเป็นหมิ่นประมาทโดยชัดเจนมาก จนกระทั่งคุณต้อต พี่ชาย ที่กำลังจะทำเว้ปไซด์ สน.เอกชน ให้กับผม และขอให้ผมช่วยแนะนำหาทนายที่จะไปช่วยแก้ต่างสู้คดีให้ด้วย เมื่อกระผมได้ทราบในรายละเอียดแล้ว ก็เลยสอบถามข้อสงสัยอีกหลาย ๆ ประการ แต่มีคำถามหนึ่งน่าคิดมาก ผมได้ถามว่า การที่คนส่งจดหมายอีเล็กทรอนิก( อีเมล์)หากันนี่ คนอื่นสามารถเข้าไปดูได้หรือไม่ เพราะผมไม่ได้เรียนทางคอมพิวเตอร์มา และเรื่องนี้ยอมรับเลยว่าโง่ คุณต้อดได้ตอบผมมาว่า “ถ้าเป็นส่งอีเมล์ คนที่จะเปิดดูเมล์ได้ต้องเป็นเจ้าของเท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปดูหรืออ่านข้อความในกล่องข้อความได้ เพราะการจะเข้าไปดู จะต้องมี ยูสเซอร์เนม และหมายเลข พาสเวิร์ด(รหัสผ่าน ) เมื่อผมถามย้ำไปอีกหลาย ๆ ครั้งก็ทำให้กระผมคิดได้ว่า ในเมื่อคนอื่นไม่สามารถที่จะเข้าดูได้ การที่เธอเป็นเจ้าของเว้ปไซด์เท่านั้นจึงจะสามารถเข้าดูได้ ดังนั้นการส่งข้อความไปตัดพ้อนั้น มันอาจจะยังไม่เข้าข่ายหมิ่นฯโดยการโฆษณา ตาม พรบ.คอมพ์ฯ ก็ได้ ดังนั้นพอมีทางสู้ แต่ประเด็นข้อกล่าวหาว่าจะเป็นความผิดฐานยกรรโชกหรือไม่นั้น เราต้องพยายามหาพยานหลักฐานมาลบล่างข้อกล่าวหาให้ได้ สรุปก็เลยตกเป็นหน้าที่ผม ที่จะต้องหาทนายมาช่วยคุณต้อง
วันต่อมากระผมได้โทรติดต่อทนายและได้ปรึกษาแนวทางเกี่ยวกับคดีนี้ และได้ความว่า คดีหมิ่นฯ โดยการโฆษณาฯ นั้น น่าจะหลุด เพราะไม่น่าจะเป็นการเผยแพร่ ต่อสาธารณะ เพราะเราส่งให้คุณปริมเพียงคนเดียว เป็นการส่วนตัว แต่คุณปริม กลับเอาข้อความออกมาป่าวประกาศเอง ซึ่งถ้าพูดอีกนัยหนึ่งก็คือเอาเรื่องส่วนตัวออกมาเที่ยวประกาศให้คนโน้นคนนี้รู้ สำนวนไทยเขาว่า “เป็นการร้องแร่แห่กระเชอ” และในกรณีที่ถูกข้อกล่าวหา กรรโชก คุณต้องนั้นเป็นข้าราชการระดับสูงของกระทรวง ที่มีเงินเดือนเป็นแสน คงจะไม่กระทำความผิดฐานกรรโชกแน่ๆ ถ้าดูตามเหตุและผลแล้ว ตกลงทนายรับว่าจะเป็นทนายสู้คดีให้ หลังจากนั้นก็มีการนัดพบกันเพื่อที่จะพูดคุยกันในเรื่องค่าจ้างทนาย, รายละเอียดต่าง ๆ เพื่อหาประเด็นที่จะนำไปหักล้างสู้คดี และเตรียมตัวในวันที่มีหมายเรียกนัดให้ไปศาล
เมื่อถึงวันที่จะต้องไปศาลคามหมาย ผมและคุณต้อดได้เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาแทน เพราะทั้งคุณต้องและทนายติดภารกิจ ไม่สามารถไปศาลได้ในวันนั้น แต่ก็ไม่น่าจะมีอะไร เพราะนัดแรกนั้น ตัวจำเลย ยุงไม่จำเป็นที่จะต้องไปก็ได้ เมื่อถึงคดีคุณต้อง ศาลได้สอบถามว่าที่กระผมมาแทนนั้น ในฐานะอะไร เป็นเสมียนทนายหรือเปล่า ผมบอกว่าใช่ครับ วันนี้ทนายติดว่าความที่ศาลอื่นเลยต้องส่งให้กระผมมาแทน ศาลท่านถามว่าแล้วคุณจะตกลงกับคู่ความได้หรือไม่ กระผมตอบว่าผมมาในฐานะเสมียนทนาย มาเพียงรับทราบ และนำข้อมูลไปรายงานให้ทนายอีกต่อหนึ่ง ไม่สามารถที่จะเจรจาได้ และศาลได้ถามผ่ายโจทก์ ว่า แล้วโจทก์ว่าอย่างไร ทนายโจทก์ได้แถลงต่อศาลว่า ทางคุณต้องจำเลย ได้พยายามที่จะโทรมาไกล่เกลี่ยหลายครั้งแล้ว โดยได้เสนอมาว่า ยินดีที่จะยอมชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์ เป็นเงิน ห้าแสนบาท ดังนั้นทนายโจทก์จึงถือเอาตามที่จำเลยเคยเสนอมา คือเรียกค่าเสียหายเป็นเงินห้าแสนบาท ศาลจึงหันไปทางโจทก์คือคุณปริม ถามว่า “ แล้วคุณที่เป็นผู้เสียหายจะว่าอย่างไร” โจทก์จึงได้พูดขึ้นว่า “ เรื่องค่าเสียหายนั้น ให้เป็นไปตามที่ทนายเรียกมา แต่ต้องขอเพิ่มเติมอีกคือ ขอให้ศาลมีคำสั่งให้จำเลย ได้มีการขอขมา โดยลงคำขอขมาในหนังสือพิมพ์ สามฉบับ เป็นเวลา 1 สัปดาห์ เนื่องจากตนได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง และศักดิ์ศรี ที่ถูกจำเลยทำให้เสียหาย และที่สำคัญ จำเลยได้ทำผิดมาหลายครั้งหลายหนแล้ว โจทก์ให้อภัยมาโดยตลอด ครั้งนี้ต้องเอาจริงเสียบ้าง พูดเสร็จศาลก็ให้จดบันทึกไว้ในรายงาน กระบวนการพิจารณา แล้วเลื่อนนัดไปอีก 1 เดือน โดยกำชับว่า นัดหน้าจำเลยต้องมาศาลให้ได้ แล้วก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนในนัดนี้
ทั้งกระผมและฝ่ายโจทก์ก็ได้เดินออกมาจากห้องพิจารณา ผมจึงเอ่ยปากถามโจทก์ว่า แล้วโจทก์จะเอาอย่างไรครับ โจทก์หันมาสวัสดีกระผมโดยหันข้าง แบบนางงามและพูดกับกระผมว่า “ ไม่เอาอย่างไรหรอกค่ะ เอาตามนั้น เพราะดิฉันพยายามให้อภัยมาหลายครั้งแล้ว แต่พี่ต้องไม่เคยมีสำนึกได้เสียที” “เรื่องนี้อยู่ที่พี่ต้อง ว่าจะยอมตามนั้นหรือไม่” ในที่สุดความในใจ หรือธาตุแท้ของเธอก็ได้ถูกเปิดออกมา ผมฟังแล้วผมก็แอบยิ้มในใจ เพราะผมพอจะมองออกแล้วว่า ใครกันแน่ที่สมควรจะมีความผิดฐานกรรโชก ผมได้พูดหยั่งดูทีท่าไปอีกว่า “ มันไม่ได้อยู่ที่คุณต้องฝ่ายเดียวฝ่ายเดียว แต่อยู่ที่คุณด้วย เพราะตอนนี้ คุณยังสามารถที่จะถอนฟ้องได้อยู่ เพียงแต่ว่าจะยอมเลิกราถอนฟ้องหรือไม่เท่านั้น หากยังดึงดันที่จะเดินไปข้างหน้า ถึงตอนนั้นแล้ว อาจจะไม่มีที่ให้คุณยูเทิร์นกลับรถก็ได้นะครับ” แต่โจทก์ ไม่ยอมยังยืนยันอยู่แบบเดิม ผมเลยหยิบนามบัตรฝากเธอไว้ แล้วบอกกับเธอว่า “ คุณค่อย ๆ คิดก็แล้วกัน หากคุณยอมถอนฟ้อง เรื่องราวคดีนี้อาจจะไม่ลุกลามบานปลายไปได้ หากคิดได้ว่าจะอย่างไรก็โทรมาหาผม “ ดูจากท่าทางเธอมั่นใจมากว่าอย่างไรเสีย คุณต้องก็ต้องยอมจ่ายเงินค่าเสียหายให้ตามที่เธอเรียกร้อง
ระหว่างที่รอการไปศาลตามหมายนัดครั้งที่สอง เราได้พูดคุยกับคุณต้องจนได้ทราบเกี่ยวกับเรื่องเกมรักหักเหลี่ยมครั้งนี้ เรียกได้ว่าเจาะลึกในรายละเอียดเลยทีเดียว จนทราบว่า หลังจากได้กันใหม่ ๆ คุณต้องได้พาซุปตา ของเราเดินทางไปเที่ยวยังประเทศเพื่อนบ้านที่คุณต้องไปทำงานสิบวัน ซึ่งทั้งเจ้าหน้าที่และข้าราชการต่าง ๆ ทราบและเห็นทุกคน เพราะแม้กระทั่งวันสำคัญของประเทศดังกล่าว ได้มีงานคุณต้องซึ่งเป็นข้าราชการระดับสูงยังได้พาเธอไปเปิดตัวเลย นัยว่านี่แหละคือแคนดีเดทว่าที่คุณนาย...ซึ่งแขกที่มาในงานนั้นก็เป็นผู้มีอำนาจในรัฐบาลของประเทศนั้นทั้งสิ้น ผมได้ดูรูปที่คุณต้องได้พาเธอไปยังสถานที่ต่าง ๆ ของประเทศนั้น จนพอที่จะสรุปได้ว่า เพียงระยะเวลาที่คบหาดูใจกันไม่ถึงเดือน เธอไปได้ไกลถึงเพียงนั้นได้อย่างง่ายดาย ไอ้ที่โฆษณามาเร็ว เคลมเร็วยังไงยังงั้นเลย โอว..โลกทั้งใบแคบมากเพียงปลายนิ้วสัมผัส...555 ผมจึงได้ทำการตรวจสอบหาพยานหลักฐานในการเดินทางไปยังประเทศนั้นของเธอ เพราะในกรณีที่เดินทางเข้า-ออก โดยถูกต้อง การเดินทางไปต่างประเทศต้องมีการใช้หนังสือเดินทาง และต้องเข้าออกทางสนามบินหรือด่าน ตม.ที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดนเท่านั้น หลังจากที่ทราบวันและเวลาในการเดินทาง การเดินทางในครั้งนี้ เธอไม่ได้เดินทางไปในฐานะลูกเรือ ที่เธอต้องมีหน้าที่ แต่เธอไปในฐานะผู้โดยสาร เพราะเธอมีเลขที่นั่งด้วย และสายการบินที่เธอทำงานไม่มีเที่ยวบินมายังประเทศเล็ก ๆ แห่งนี้ และหลังจากกลับมาจากทริ้ปนี้แล้ว ทางคุณต้องยังพานางเอกซุปตา คนนี้ไปบ้าน และเที่ยวชอบปิ้งกันอย่างหวานชื่น แต่ที่สำคัญที่สุด คุณต้องได้ซื้อโทรศัพท์ทรามซูง รุ่นใหม่ท้อปฮิตให้เธอด้วย โดยใช้บัตรเครดิตของคุณต้อง และหลังจากที่คุณต้องจะเดินทางกลับไปทำงานยังประเทศเพื่อนบ้าน คืนนั้นเองประมาณสามทุ่มกว่า ๆเธอได้นำบัตเอทีเอ็ม ที่คุณต้องให้ไว้ ไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มบนถนนรามคำแหงหน้าห้างฯ... ทุกสิ่งอย่างและทุกย่างก้าวที่เธอเคยไป ทีมงานของเราได้ตามไปเก็บหลักฐานโดยละเอียด
จากการที่เราได้ย้อนรอย ตามล่าหาความจริงต่าง ๆ จึงทำให้ทีมงานทนายของ สน.เอชน สามารที่จะรวบรวมพยานหลักฐานที่จะนำไปหักล้างต่อศาล ในประเด็นข้อกล่าวหาว่ากรรโชก เพราะเราจะนำพยานหลักฐานเข้าแสดงแถลงต่อศาลว่า สาเหตุที่คุณต้องได้เขียนลงไปในจดหมายอีเล็กทรอนิก(อีเมล์) ว่าคุณเอาเงินมาคืนให้ผมเลย 95,000 บาท (เก้าหมื่นห้าพันบาท)นั้น มีสาเหตุเนื่องมาจาก ก่อนที่จำเลยจะเดินทางกลับไปทำงานยังประเทศเพื่อนบ้านนั้น จำเลยได้มอบเงินให้แก่โจทก์ ตามที่โจทก์เรียกร้องให้เป็นค่าเลี่ยงดูฉันท์สามี ภรรยา ที่มีการตกตงกันทางพฤตินัย และจำเลยก็เรียกเงินค่าเลี้ยงดูคืนจากโจทก์ เพราะเกิดจากความโมโห และโกรธ ที่โจทก์นำโทรศัพท์ที่จำเลยซื้อให้ โดยใช้บัตรเครดิตของจำเลยจ่ายชำระค่าโทรศัพท์ให้ ซึ่งในจดหมายอีเล็กทรอนิกก็ยังเขียนไว้ด้วยว่า คุณทำอย่างนั่บผมได้อย่างไร เอาโทรสัพท์ที่ผัวซื้อให้ไปโทรหาผู้ชายคนอื่น การเรียกเงิน 95,000 บาท(เก้าหมื่นห้าพันบาท)คืน เพราะเงินทีจำเลยให้แก่โจทก์ไว้นั้น ถ้าอัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาห์ต่อ 35 บาท ก็จะตกเป็นเงินไทยประมาณนี้ และทนายจะต้องแถลงแก้ข้อกล่าวหาที่โจทก์กล่าวหามาว่า การที่จำเลยได้พาโจทก์นั่งเครื่องบินไปเที่ยวยังประเทศที่จำเลยทำงานอยู่ และระยะเวลาไม่นานที่โจทก์และจำเลยคบกันในฐานะแฟนหรือคู่รักนั้น จำเลยได้ทำทุกสิ่งอย่างที่ได้แสดงให้เห็นแล้วว่ามีความรักโจทก์ ซึ่งได้มีการใช้จ่ายไปเป็นจำนวนนับแสนบาท และในฐานานุรูปที่จำเลยเป็นถึงข้าราชการในระดับสูง การที่จำเลยจะเขียนอีเมล์มาเรียกเอาทรัพย์จากโจทก์ โดยที่ไม่มีสาเหตุหรือต้นสายปลายเหตุเช่นนี้คงเป็นไปไม่ได้ และทุก ๆ ครั้งที่โจทก์ได้เดินทางไปตามที่ต่าง ๆ นั้น ก็มีพยาน รู้เห็นและมีภาพถ่าย และเอกสารมาแสดงให้ศาลเห็นได้ ซึ่งพยานหลักฐาน รูปถ่ายและเอกสารต่าง ๆ เหล่านี้ ย่อมจะแสดงได้ว่า จำเลยขาดเจตนาในการข่มขู่เพื่อเรียกเอาทรัพย์ ซึ่งเป็นการตอบโจทก์ และหักล้างข้อกล่าวหาว่ากระทำผิดในข้อหากรรโชกฯ
เมื่อเวลาผ่านไป 1 เดือน กระผมไม่ได้มีการติดต่อไปทางโจทก์ และโจทก์ก็ไม่เคยติดต่อมาทางฝ่ายเราเลย เมื่อถึงวันนัด ศาลได้ถามว่าโจทก์ไม่มาหรือกระผมและทนายได้แถลงต่อศาลว่าจำเลยมีราชการจำเป็นไม่สามารถมาได้ ศาลจึงถามไปยังโจทก์ โจทก์ได้แถลงว่าไม่ติดใจในเรื่องค่าเสียหาย แต่ต้องการเพียงแค่ให้จำเลยมาขอขมาหรือขอโทษโจทก์ต่อหน้าศาล ศาลจึงได้ให้บันทึกไว้ในรายงานกระบวนการพิจารณา และได้เลื่อนนัดไปอีกนัดหนึ่ง และได้กำชับให้โจทก์และจำเลยมาให้ได้
ต่อจากนั้นทนายความก็ได้มีการติดต่อกับคุณต้อง และได้มีการมาเจรจายอมความกันในนัดต่อมา ซึ่งกระผมไม่ได้ไปด้วย เนื่องจากมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน เพราะทางฝ่ายทนายและศาลต้องการที่จะให้ มีการรอมชอม ประนีประนอมยอมความกัน แต่ในความคิดของกระผมแล้ว กระผมคิดว่า ในเมื่อไม่ผิด ก็ไม่จำต้องไปยอมรับผิด หากเราได้แสดงให้ศาลเห็นได้ว่า สิ่งที่เรานำพยานหลักฐานมาแสดงนั้น เป็นความจริง ศาลย่อมฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนากรรโชกฯ ซึ่งกระผมได้คิดวางแผนไว้ว่าจะฟ้องกลับ ให้โจทก์ที่ยื่นฟ้องเท็จ และอาจจะมีการเบิกความเท็จแถมมาอีก กลับกลายเป็นจำเลยเสียบ้าง เพื่อเป็นการตอบสนองบุญคุณที่โจทก์ได้เริ่มก่อนในครั้งนี้ เพราะกระผมคิดว่า ข้อหาฟ้องเท็จ และเบิกความเท็จนั้น กฎหมายได้มีระบุไว้อย่างชัดเจน ในเมื่อมีการกระทำความผิดเกิดขึ้นแล้ว ก็สมควรที่จะต้องนำกฏหมายมาตรานี้มาใช้บ้าง หากไม่นำมาใช้ จะบัญญัติเอาไว้ทำไม ไม่ต้องมีก็ได้ แต่ก็นั่นแหละครับ ความคิดเห็นในทางกฎหมายของแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน หากว่าคุณต้องเชื่อตามกระผม ทุกวันนี้เรื่องนี้หรือคดีนี้อาจจะค้างคาอยู่ในชั้นอุทธรณ์ หรือฏีกาก็อาจจะเป็นไปได้ และในการคิดในแง่นี้ก็อาจจะเกิดผลดีแก่หน้าที่การงานในระยะยาวของคุณต้องก็ได้นะครับ ตกลงว่าคดีนี้ต่างฝ่ายต่างต้องถอยและยอมเลิกรากันไป เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายลุกลามบานปลาย ใหญ่โตโกโซบิก.......จบคดีนี้ครับ
คดีภรรยามีกิ้ก
เรื่องนี้เกิดขึ้นปลายปี 57 มีเพื่อนชื่อพัฒน์พงษ์ ดิษฐ์บรรจง(บดินทร์ รุ่น 12 ) โทรมาหาบอกว่า จะให้เพื่อนเข้ามาปรึกษาด้วย ผมจึงได้นัดให้มาพบที่บ้าน เมื่อมาถึงบ้านกระผมแล้ว หลังจากทักทายกันพอสมควร จึงได้ทราบชื่อว่า เสก(นามสมมติ) เสี่ยเสกเป็นผู้รับเหมาที่มีฐานะค่อนข้างดี มีเมียชื่ออาย(นามสมมติ)มีลูกที่น่ารัก เสี่ยเสกซื้อบ้านหลังใหญ่ เป็นหมู่บ้านจัดสรร อยู่แถวมหาชัยเมืองใหม่ มีรถหลายคัน เมียใช้ฟอร์จูนเนอร์ แต่ตอนหลังบ่น ว่ารถที่เธอใช้อยู่นั้นมันใหญ่เกินไป ขับลำบากไม่ถนัด เพราะเธอเป็นคนตัวเล็ก ผอมบาง สูงเพียง 150 ซม.กว่านิดเดียว ล่าสุดเพิ่งไปถอยโตโยต้ายาลิส รุ่นใหม่ป้ายแดงมาให้เมียใช้ เพื่อเป็นการแสดงความรัก แต่เหตุผิดปกติเกิดขึ้น ประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา เธอเริ่มมีอาการหงุดหงิด เริ่มมีปากเสียงกันบ้างในเวลาที่อยู่ด้วยกัน ตามปกติแล้วเสี่ยเสกจะต้องออกไปทำงานตั้งแต่เช้า เพื่อหลีกเลี่ยงรถติด ส่วนใหญ่จะไปดูไซด์งาน บางครั้งก็จะกลับมาบ้านในช่วงกลางวัน แล้วก็ออกไปอีก เวลากลับบ้านนั้นไม่แน่นอน บางทีก็กลับค่ำก็มีถ้ามีงานต่อเนื่อง ระยะหลังคุณอายเริ่มมีพฤติกรรมแปลกไป พอส่งลูกที่โรงเรียนอนุบาลเสร็จก็จะหายไปเลย บางครั้งพอถึงเวลารับลูกตอนโรงเรียนเลิก เธอก็จะโทรศัพท์มาที่บ้านให้แม่ของเธอออกไปรับหลานแทน หากเสี่ยเสกถาม เธอก็อ้างว่าไปกับเพื่อน แล้วก็เริ่มกลับบ้านค่ำ หรือดึกในเวลาต่อมา เสี่ยเสกต้องกลับมานอนเป็นเพื่อนลูกบ่อยครั้งขึ้น ถ้าถามมาก ๆ ก็จะพาลทะเลาะกันไปเลย ซึ่งเสี่ยเสกก็ไม่ต้องการที่จะให้เป็นเช่นนั้น เพราะรังแต่จะทำให้ลูกกระทบกระเทือนใจไปเปล่า ๆ
เมื่อได้มีการแจ้งรายละเอียดในเรื่องต่าง ๆ จนเป็นที่เข้าใจแล้ว กระผมกับทีมงานจึงได้เริ่มติดตาม เกาะเป้าหมายจากหน้าโรงเรียนอนุบาล หลังจากส่งลูกเสร็จ คุณอายขับรถวนตลาดมหาชัยเสียหนึ่งรอบแวะทักทายเพื่อนที่ร้านเสริมสวยตามแบบฉบับของคนว่างงาน เพราะเธอไม่มีหน้าที่อะไรนอกจากรับ- ส่งลูกไปโรงเรียน นอกนั้นว่าง หลังจากที่เข้าไปในร้านเสริมสวยสักครู่ใหญ่ เธอออกมาแล้วก็ขับฟอร์จูนเนอร์คันใหญ่ มุ่งหน้าขาเข้า กรุงเทพฯ ขึ้นด่วนพระรามสอง ลงพระรามหกมุ่ง ไปทางบางพลัด พอถึงแยกการเรือนมีที่จอดรถหน้า สถานีตำรวจท่องเที่ยว เธอจอดรถทิ้งไว้ แล้วเดินออกมาข้างหน้าถนน สักครู่ก็มีผู้ชายร่างผอกขับมอเตอร์ไซด์มารับ ทีมงานเราได้จดป้ายทะเบียนเอาไว้ได้ แต่การติดตามช่วงในซอยที่จะทะลุกับซอยสวนอ้อย หน้ามหาวิทยาลัยราชภัทรสวนดุสิตกับสวนสุนันทานั้น ติดตามได้ยากมากเพราะซอยเล็กและโล่ง ถ้าตามใกล้จะเป็นที่สังเกตุได้ บางตอนในซอยนี้คนพลุกพล่านมาซึ่งเป็นเรื่องปกติของชุมชนรอบ ๆ มหาวิทยาลัย ที่มีหอพักอยู่มากมาย ภายในซอยก็มีซอยแยกได้หลายทาง ช่วงนั้นเป้าหมายหลุด ผมกับลูกน้องต้องกลับมาตั้งหลักที่ สถานีตำรวจท่องเที่ยว(นั่งตากแอร์เย็นๆ) บังเอิญว่าผมเคยเป็นตำรวจท่องเที่ยวมาก่อน จึงได้ถามไถ่ถึงคนเก่า ๆที่ยังมีพอที่จะรู้จักบ้าง และก็ไม่ลืมสอบถามถึงรถฟอร์จูนเนอร์คันที่มาจอด จึงได้ทราบว่า รถคันนี้มาหลายครั้งแล้ว เจ้าของคือผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แล้วจะมีแฟนขี่มอเตอร์ไซด์มารับ ตำรวจบอกว่าสงสัยเป็นพวกคุณหนู(ลูกคนรวย) มีแฟนเรียนอยู่ที่นี่มั้ง หารู้ไม่ว่าคุณหนูที่พูดถึงนั้นมีลูกโตแล้ว เพราะหากจะดูตามสภาพรูปร่างตัวเล็ก ๆ ผอมบาง คนทั่วไปก็คงจะมองว่าเธอคงจะเป็นพวกนักศึกษาที่ยังเรียนอยู่ เราคุยกับตำรวจฆ่าเวลาไปเรื่อย จนเกือบบ่ายสองโมง มอเตอร์ไซด์คันเดิมพาเธอมาส่งที่รถ มีร่ำลากันตามสมควรซึ่งทางทีมงานของผมได้บันทึกภาพไว้เป็นที่เรียบร้อย จากนั้นเธอก็พาเรากลับมายังโรงเรียนอนุบาล รับลูกเสร็จก็พากลับบ้านที่หมู่บ้านหรู ย่านมหาชัยเมืองใหม่ วันนั้นเหตุการณ์ปกติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
วันต่อมา เธอใช้ยาริส สีแดงสดคันใหม่ป้ายแดงมาส่งลูก ส่งเสร็จก็ขับทะลุตลาดมหาชัย ขึ้นสะพานบิดตัวกลับรถเข้ากรุงเทพฯทันที วันนี้ เธอขับรถเร็วมาก ลากยาวผ่านทางด่วนขั้นที่สองมาลง ทางด่วนตรงลาดพร้าว จากนั้นก็ขับลัดเลาะมาเรื่อย ๆ จนมาถึงถนนวังหิน ตรงแถววัดลาดพร้าว เข้าไปจอดในลานจอกรถของอาคารเช่าพักแห่งหนึ่ง สูง 8 ชั้น เราซุ่มดูอยู่ห่างๆ เพราะอาคารเช่าพักนี้มีเจ้าหน้าที่ รปภ.ดูแลการเข้าออกของรถทุกคัน และรถที่จะเข้าออกซอยนี้ถ้ามีการขับวนบ่อย ๆ ก็อาจจะเป็นที่ต้องสงสัย เรารอจนกระทั่งเย็น ค่ำก็ยังไม่ออกมา ผมเลยโทรติดต่อไปยังเสี่ยเสก ก็ได้รับคำบอกเล่าว่า วันนี้เธอโทรบอกทางบ้านว่าเธอจะค้างบ้านเพื่อน ตกลงแล้วเสี่ยเสกก็ต้องเข้านอนเป็นเพื่อนลูกทั้งสองคน ซึ่งเราก็ได้รายงานให้เสี่ยเสกทราบทุก ๆ ระยะ จนกระทั่งเวลาประมาณสี่ทุ่มเศษ มีความเคลื่อนไหวโดยรถริส สีแดงคันเป้าหมายได้เคลื่อนตัวออกไปข้างนอก ทีมงานของเราตามไปในระยะห่าง ๆ เพื่อป้องกันการไหวตัว ในที่สุดคุณอายและแฟนหนุ่ม(กิ๊ก) ก็ได้พาพวกเรามายังร้านสวนสนุก ถนนเกษตร - นวมินทร์ ร้านนี้เป็นร้านอาหารที่มีดนตรีด้วย มีลักษณะคล้าย ๆ พับ ที่วัยรุ่นทั่วไปนิยมไปเที่ยวกัน เธอกับแฟนหนุ่มเข้าไปนั่งภายในร้าน ทีมงานของผมรีบดอดเข้าไปชม โดยไม่ให้เธอและแฟนหนุ่มรู้ตัว เพราะถ้าทีมงานของเราเกิดจ๊ะเอ๋..! กับเธอหรือแฟนหนุ่มของเธอโดยบังเอิญ คนในทีมงานของเราคนนั้นจะต้องไม่มีการพบกับเธออีก ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด ๆ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่คนที่ไม่รู้จักกันจะเห็นหน้ากันหลายครั้งในสถานที่แตกต่างกัน ซึ่งเราจะระวังในเรื่องนี้มาก เธอคงสนุกสนานตามประสาวัยรุ่น แต่ที่บ้านสามีก็ต้องทำหน้าที่ พาลูก ๆ เข้านอน ตอนนั้นพวกเราจอดรถดับเครื่องริมถนนรอเธอไปเรื่อย ๆ จากการที่เราเช็คประวัติฝ่ายชายที่เราได้มาจากทะเบียนรถแล้ว เราได้พบว่าหนุ่มผอมรายนี้มีนามสกุลตรงกับดาราดัง และเคยมีประวัติการติดคุกในคดีจะหน่ายยาเสพติดที่ ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่า ขณะนี้เธอได้ถลำตัวติดยาไปแล้วก็เป็นได้ คืนนั้นพวกเราไปส่งเธอเข้านอนที่อพาทเม้นต์ โดยเธอไม่รู้ตัว และได้บันทึกภาพไว้โดยละเอียดทุกขั้นตอน
รุ่งขึ้น เป็นวันศุกร์ เธอออกจากอพาทเม้นต์ในช่วงบ่าย กลับมารับลูกที่โรงเรียนอนุบาลแล้วก็พาลูกกลับเข้าบ้านเนียน ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกเราส่งเธอกลับบ้าน จนเห็นว่าคำแล้ววันนี้เธอคงไม่ออกไปไหน แต่อย่างไรก็ต้องทิ้งคนไว้สองคน เผื่อเธออาจจะออกตอนกลางคืน ในช่วงที่เธออยู่บ้านเราได้มีการติดต่อกับเสียเสกอยู่ตลอดเวลา และได้กำชับว่า เสี่ยเสกต้องโง่ ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลย ตอนกลับเข้าบ้านก็ให้ทำตัวปกรติ แต่คงเป็นธรรมชาติที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่าหากเป็นใคร ใครก็คงจะทนไม่ได้ เสี่ยเสกคงอดใจไม่ได้ที่จะไปถามว่าเธอไปไหน เรื่องกลับกลายเป็นใหญ่โต โกโซบิ๊ก เสี่ยเสกซึ่งอาจจะรักเมียมากเลยพยายามที่จะหว่านล้อมเธอให้เธอเห็นแก่ลูกถึงเธอจะทำอะไรผิดไปบ้างก็ขอให้เธอกลับมาเหมือนเดิม แต่แทนที่เธอจะสงสาร เธอกลับโมโหมากถึงขั้นทะเลาะกันอย่างรุนแรง ตีลูกสาวตัวเล็กอย่างแรง และจิกผมยกตัวลอยขึ้นจากพื้น เสียเสกเลยโดดเข้าไปขวางเลยถูกเธอข่วนและกัดเข้าที่แขน แล้วเธอก็ไปนอนห้องแม่ของเธอ เสี่ยเสกแอบโทรมาหาผมและก็ถ่ายรูปส่งไลน์มาให้ผมดู เห็นที่แขนถูกกัดมีรอยฟันชัดเจนมาก ผมก็ได้แต่บอกให้เสี่ยเสกทำใจ และขอร้องให้ใช้ความอดทน ทนได้ก็ทน ทนไม่ได้ก็ต้องทน ถึงขั้นนี้แล้ว เธอคงไม่มีใจเหลือให้แล้ว ผมบอกเสี่ยเสกว่าตอนนี้ถึงเอาอะไรมาฉุดก็คงไม่อยู่แล้ว
วันรุ่งขึ้นลูก ๆ ไม่ได้ไปโรงเรียน แต่เธอกลับออกจากบ้านโดยไม่ได้บอกใครซักคำ ส่วนเสี่ยเสกก็ได้ออกจากบ้านไปทำงานแต่เช้าแล้ว ต่างฝ่ายก็ต่างไป ผมบอกให้เสี่ยเสกไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่สถานีตำรวจมหาชัย(สมุทรสาคร) และให้ไปพบแพทย์ขอใบรับรองแพทย์โดยต้องระบุรายละเอียดในเรื่องบาดแผลที่ถูกคุณอายกัดไว้ให้ชัดเจน โดยกำชับว่าใบรับรองแพทย์และสำเนาประจำวันต้องเก็บไว้ให้ดี เผื่อจะมีโอกาสต้องใช้ในคราวจำเป็น (หากต้องมีการฟ้องร้อง)
ช่วงนั้นเธอได้มาใช้ชีวิตร่วมกับกิ๊ก(หนุ่มผอม)อยู่โดยไม่ทราบเลยว่า ทุก ๆความเคลื่อนไหวอยู่ในสายตาของทีมงานเราตลอด ทีมงานของผมและเสี่ยเสกติดต่อกันและประเมินสถานนะการณ์กันทุกระยะ ทุกย่างก้าวไปอย่างรัดกุมและอยู่ภายใต้กฎหมาย เสี่ยเสกได้แต่ทำใจเพราะไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรได้ดีกว่านี้ ผมก็ได้แต่ปลอบใจว่าขอให้ใจเย็นเอาไว้มากๆ หากจะทำอะไรวู่วามผลกระทบอาจจะตกไปถึงลูก โดยที่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย หากทำอะไรรุนแรงไปเหตุการณ์อาจจะบานปลายไปจนไม่สามารถที่จะย้อนเวลากลับมาแก้ไขได้อีก เมื่อเสี่ยเสกตั้งสติได้ดีแล้วจึงได้กลับไปตรวจสอบทรัพย์สินที่บ้าน และแจ้งกับผมว่า หลังจากที่เธอออกจากบ้านไปเธอได้กวาดเอาทรัพย์สินมีค่าในตู้เซพไปด้วย ทั้งทองรูปพันธ์ต่าง ๆ น้ำหนักหลายสิบบาท และที่สำคัญพระเครื่องอีกสององค์ที่มีมูลค่าหลายล้านบาท รวมทั้งบัญชีเงินฝากของเธอและของลูก ๆเธอก็ไม่ได้ทิ้งไว้เลย เรียกได้ว่าเอาไปจนเกลี้ยงตู้เลยก็ว่าได้ เมื่อสถานนะการณ์เป็นเช่นนั้นแล้วกระผมจึงได้ปรึกษาทนายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ทนายให้ความเห็นว่า ในกรณีที่ภรรยาลักทรัพย์สามีเพื่อไปให้ชายอื่น หรือหนีไปอยู่กับชายอื่น วันที่เธอมาขนเอาทรัพย์สินไปนั้นเป็นเวลากลางวัน ที่เสี่ยเสกไม่อยู่บ้าน เธอกลับมากับกิ้กหนุ่มผอมด้วย ดังนั้นน่าจะเข้าข่ายร่วมกันลักทรัพย์ หรือรับของโจรด้วย เพราะการเอาทรัพย์ไปนั้น ไม่ได้เป็นไปเพื่อการดำรงชีพฉันท์สามีภรรยาตามปกติโดยทั่ว ๆ ไป กระผมจึงได้พาเสี่ยเสกเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน เป็นคดีอาญาข้อหาลักทรัพย์หรือ รับของโจร แล้วก็ต้องรอเวลาให้พนักนักงานสอบสวนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
วันที่ 30 ธันวาคม 2557 วันนั้นเป็นวันเกิดของหนุ่มผอม (เราได้ตรวจสอบประวัติอย่างละเอียด) คุณอายและหนุ่มผอมออกเดินทางจากอพาทเมนต์ย่านถนนลาดพร้าว-วังหิน ทีมงานของผมไดตามไปจนถึงบริเวณปากทางลาดพร้าวแล้วรายงานกลับมาว่าเป้าหมายเกิดหลุดกระทันหัน เนื่องจากการจราจรติดขัด ผมจึงติดต่อให้เสี่ยเสกแกล้งโทรไปง้อ แล้วขอร้องให้เธอกลับบ้าน ทีมงาน เราได้ตรวจสอบโดยใช้อุปกรณ์ไอที(เทคโนโลยี) จนได้ทราบว่า พวกเธอเดินทางไปยังอำเภอหนึ่งของจังหวัดนครสวรรค์ วันนี้เธอคงไปขึ้นสวรรค์ ขณะที่เสี่ยเสกถูกปล่อยให้ตกอยู่ในนรกอยู่ที่บ้าน คืนนั้นทั้งคืนพวกเราทำอะไรไม่ได้
รุ่งขึ้นผมบึ่งรถไปที่นครสวรรค์ ขับรถวนเวียนพยายามที่จะหาสถานที่พักในบริเวณที่เราได้เห็นสัญญานปรากฏ จนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง เราก็ได้พบรีสอร์ทแห่งหนึ่ง รีสอร์ทแห่งนี้เป็นบ้านพักเป็น หลังเดี่ยว ห่างจากถนนสายเอเซียพอประมาณแต่อยู่ริมถนนสายใน ผมเข้าไปสอบถามจนได้ความว่า คุณอายกับหนุ่มผอมมาพักด้วยกันที่นี่ ห้องหมายเลขที่ 16 พอค่ำ ๆ ออกไปข้างนอกด้วยกัน กลับมาอีกครั้งก็ดึก แต่ตอนนี้เช็คเอาท์ออกไปแล้ว ซึ่งผมไปพบรีสอร์ทแห่งนี้ตอนบ่ายสามโมง สรุปว่าผมมาช้าไปประมาณ 3-4 ชั่วโมง แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะผมได้สอบถามคุณป้าที่ทำหน้าที่ดูแล ซึ่งคุณป้ายังได้ยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่าใช่คนเดียวกัน ตรงตามที่เราเอารูปให้ดู แถมยังบอกว่าฝ่ายหญิงยังออกมาเดินเล่นด้วย โดยการสอบถามทั้งหมดกระผมได้บันทึกภาพและเสียงไว้อย่างละเอียด ขณะที่กระผมขับรถกลับกรุงเทพฯ ผมได้รับรายงานว่าช่วงค่ำคุณอายได้ขับรถกลับมายังอพาทเม้นต์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
วันรุ่งขึ้นเราก็ได้ติดตามดูห่าง ๆ และได้นัดหมายกับเพื่อนเสี่ยเสกให้มาพบกันที่ปั้มน้ำมันใบจากย่านถนนลาดพร้าว – วังหิน แต่เหตุการณ์ฉุกละหุกได้เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด คุณอายับหนุ่มผอมดันขับรถเข้ามาในปั้มเพื่อที่จะเข้ามาซื้อของในมินิมาร์ท ซึ่งเป็นที่ที่กระผมนั่งอยู่พอดี จึงต้องเข้ามาเจอกับเพื่อนเสี่ยเสก(จ๊ะเอ๋) โดยไม่สามารถที่จะหลบเลี่ยงได้ ดูเธอตกใจมาก เพราะจากที่เดินควงมากับหนุ่มผอมมาดี ๆ พอเห็นเพื่อเสี่ยเสกเท่านั้นแหละต่างชิ่งออกจากกันแบบอัตโนมัติ โดยฝ่ายชายแล้ลงเดินเข้ามินิมาร์ท คุณอายก็เลยจำต้องมาซื้อกาแฟและทักทายกับเพื่อนเสี่ยเสกแบบเสียไม่ได้ เธออ้างว่าเธอมีเพื่อนแถว ๆ นั้น และกำชับว่าอย่าไปบอกเสี่ยเสกนะว่าพบเธอตรงนั้น เพื่อนเสี่ยเสกก็รับปาก ทำแกล้งโง่ไปตามบท ส่วนผมก็ได้เห็นหน้าคุณอายดันชัด ๆ กันในวันนั้น เพราะเธอมานั่งข้าหน้าร้านกาแฟ โดยหันข้างให้ผม ห่างกันแค่เอื้อมมือถึงเท่านั้น แต่ด้วยเธอไม่รู้จักผม ผมเลยนั่งเฉย ๆ แกล้งกดโทรศัพท์เล่นไลน์ไปเรื่อยเปื่อย หลังจากซื้อเสร็จเธอก็แกล้งเดินออกไปทางหน้าปั้ม ทีมของเราตามไปจนถึงศูนย์ซ่อมรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ที่อยู่ใกล้ ๆ แยกวังหิน กลับมาตอนบ่ายอยู่ห้องทั้งวันไม่ออกไปไหน
การที่เราต้องรอจนกว่าจะแน่ใจ โดยที่ไม่ได้มีการแสดงตัวหรือเจรจาใด ๆ ก็เพราะ เราต้องรอขั้นตอนที่พนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกไปในคดีลักทรัพย์ ถ้าไม่ไปพบพนักงานสอบสวนถึงสองครั้งจึงจะสามารถที่จะออกหมายจับได้ และอีกกรณีหนึ่งคือเราจะต้องมีพยานหลักฐานจนแน่ชัดจนเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ก่อน เพราะจะได้เป็นเหตุให้ฟ้องอย่าได้โดยที่คุณอายไม่สามารถที่จะโต้แย้งได้ ซึ่งพยานหลักฐานทุกอย่างจะถูกนำไปเป็นส่วนประกอบในการฟ้องร้องต่อศาลด้วย ในกรณีที่คุณอายอาจจะมีการโต้แย้ง เรื่องทรัพย์สินสมรส และอำนาจในการปกครองบุตรอันอาจจะเกิดขึ้นได้
วันที่ 4 มกราคม 2559 คุณอายกับหนุ่มผอมและมีผู้ชายในวัยเดียวกันกับหนุ่มผอมรวมสามคนออกเดินทางไปนครสวรรค์ ทีมงานของเราตามไปและได้บันทึกภาพโดยตลอด ว่ามีการขนย้ายข้าวของเครื่องใช่พวกพัดลมเตารีดออกมาจากบ้านหลังหนึ่งในจังหวัดนครสวรรค์ ทีมงานของเราเลยคาดเดากันไปต่าง ๆ นา ๆ เพราะไม่รู้ว่าเธอจะไปขนสิ่งของเหล่านั้นไปทำอะไร ของเยอะจนแน่นรถยาลิสซึ่งภายในรถคงจะไม่พื้นที่มากเท่าไหร่ เพื่อนผู้ชายที่มาด้วยจึงต้องเปลี่ยนมาเป็นคนขับ โดยที่ที่นั่งอีกด้านหนึ่งมีคุณอายนั่งมาบนตักของหนุ่มผอม ตอนค่ำรถยาริสพาเรามาจอดที่แยกนครสวรรค์เลยสะพานเดชาฯ มา จากนั้นก็ออกรถโดยมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ วิ่งมาเรื่อย ๆ แวะปั้มกินข้าวที่สิงห์บุรี เราตามยาวมาจนกระทั่งผ่านมาถึงอ่างทอง ผมฉุกคิดได้ว่า ในช่วงเทศการปีใหม่ที่มีการหยุดยาว ๆ อย่างนี้ เหตุใดพวกเขาเดินทางมานครสวรรค์แล้วกลับเลยภายในวันเดียวกัน ซึ่งวันนี้เป็นวันที่คนกำลังจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ รถจำนวนเรือนหมืนเรือนแสนกำลังไหลเข้า กรุงเทพฯ หรือว่าพวกเขาจะมาเอายาเสพติด คำถามเกิดตั้งขึ้นในใจโดยไม่ได้คาดการณ์ไว้ ผมจึงรีบโทรศัพท์ไปหารุ่นพี่ที่เป็นทางหลวงอยู่ที่ประตูน้ำพระอินท์ ขอให้พี่เขาช่วยมาตรวจสอบรถเป้าหมายที่ผมเกาะมาจากนครสวรรค์ พอไปถึงจุดนัดหมายกระผมได้ชี้เป้าให้รถตำรวจทางหลวงโดยการบอกทางโทรศัพท์ จากนั้นรุ่นพี่ผมก็ได้เรียกรถเป้าหมายแล้วส่งสัญญานให้เจ้าจอดข้างทาง และได้ทำการตรวจค้น โดยผมได้เลยไปจอดรถหากจากจุดนั้น แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใด ๆ มีแต่ว่าทั้งสามคนน่าจะมีอาการเมาโดยไม่มีกลิ่นเหล้า รุ่นพี่บอกกับผมภายหลังว่า หากตรวจฉี่ในคืนนั้นก็อาจจะพบสารเสพติดอย่างแน่นอน แต่เนื่องจากไม่มีอุปกรณ์ในการตรวจสอบสารเสพติดจึงได้ปล่อยตัวไป แต่เจ้าหน้าที่ได้เก็บภาพ และถ่ายรูปบัตรประจำตัวประชาชนของทั้งสามคนเอาไว้
หลังจากนั้นอีกประมาณ 2 วัน คุณอายก็ได้มารับพ่อกับแม่ออกจากบ้านเสี่ยเสก โดยได้ย้ายไป เช่าบ้านอยู่ภายในซอยโชคชัย 4 ใกล้ ๆ กับอพาทเมนต์ที่เธออยู่กับหนุ่มผอมนั่นเอง และทั้งหมดก็ได้เริ่มต้นครอบครัวใหม่ที่นั่น ญาติของเสี่ยเสกที่เป็นทนายซึ่งรู้จักกับคุณอายด้วย จึงได้โทรติดต่อกับคุณอายให้มาทำการตกลงกันในเรื่องการอย่า หลังจากที่ได้มีการนำหลักฐานภาพถ่ายต่าง ๆ มาแสดง คุณอายก็ยอมรับสารภาพเรื่องราวทั้งหมด และมีการตกลงกันได้โดยได้เซ็นต์มอบอำนาจการปกครองบุตรให้แก่เสี่ยเสกเป็นผู้ดูแลแต่ฝ่ายเดียว เรื่องนี้ก็จบลงโดยไม่ต้องมีการฟ้องร้องแต่อย่างใด ปัจจุบันเสี่ยเสกได้พบรักใหม่ เป็นข้าราชการ จบปริญญาโท และเธอกำลังเรียนปริญญาเอกอยู่ ในที่สุดทั้งคู่ก็ได้แต่งงานและอยู่กินกันอย่างมีความสุข
คดีรับของโจร
หลังจากที่กระผมลาออกจากราชการตำรวจแล้ว ผมก็ได้ไปสอนหนังสือที่ จังหวัดเพชรบุรี วันที่กระผมไม่มีสอน ก็จะนอนอ่านหนังสืออ่านเล่นอยู่ที่บ้าน มีอยู่วันหนึ่ง เพื่อนที่เรียนห้องเดียวกันที่บดินทร์เดชาชื่อ นพพล กังสำฤทธิ์ ได้โทรหาแล้วบอกกับกระผมว่า มีรุ่นน้องบดินทร์ฯ คนหนึ่งมีปัญหา คือ บริศัทของเขาถูกพนักงานยักยอกเอาโทรศัพท์มือถือไปประมาณ 300 เครื่อง อยากจะให้กระผมช่วย หาหนทางสืบและติดตามเอาโทรศัพท์ที่ถูกยักยอกไปกลับคืนมา ซึ่งหากไม่ได้โทรศัพท์มือถือทั้งหมดคืนมา เจ้าของบริษัทที่เป็นรุ่นน้องชื่อเอก ต้องรับผิดชอบชดใช้คืนเงินแก่เจ้าของโทรศัพท์ทั้งหมด ตอนนี้รุ่นน้องที่พูดถึงนั้นเครียดมาก กระผมจึงได้บอกให้เพื่อนพามาคุยรายละเอียดที่บ้าน
วันต่อมานพพลได้พาน้องเอกมาหาที่บ้าน แล้วเล่ารายละเอียดให้ฟังว่า เอกเป็นเจ้าของบริษัทที่รับช่วงต่อจากบริษัทโทรศัพท์ราคาแพง ยี่ห้อดังติดตลาด มีหน้าที่รับบริการหลังการขาย หากโทรศัพท์ของลูกค้าเกิดขัดข้อง เสีย หรือมีปัญหา ลูกค้าจะนำเครื่องโทรศัพท์ส่งมาซ่อม และนำโทรศัพท์ ที่ซ่อมเสร็จแล้วส่งคืนให้กับลูกค้า ตอนนี้โทรศัพท์ที่ซ่อมเสร็จแล้ว แต่กลับยังไม่ส่งคืนให้กับลูกค้าถึง 300 เครื่อง ซึ่งพบแล้วว่ามีพนักงานของบริษัทยักยอกเอาไป กระผมจึงได้สอบถามต่อจนได้ความว่ามีพนักงานของบริษัท คนนั้นได้หายตัวหลายวันแล้ว พวกเราจึงเริ่มติดตามสืบหาเบาะแส ติดต่อไปยังภูมิลำเนา ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ และได้ขอร้องให้พ่อและแม่ พาพนักงานคนนั้นเข้ามาหากระผมที่บ้าน
วันรุ่งขึ้นทุกคนก็เดินทางมาที่บ้านกระผม น้องผู้หญิงที่เป็นพนักงานคนที่เราตามหาตัวอยู่ก็มาด้วยดูจากสภาพแล้วเห็นว่าเธอกำลังพักฟื้น แขนทั้งสองข้างถูกใส่เฝือกเอาไว้ หลังจากได้พูดจาไต่ถามกันจนได้ใจความว่า น้องตา(นามสมมติ) พนักงานของบริษัทได้เป็นผู้ยักยอกเอาโทรศัพท์ไปจริง เพราะติดพนันบอล ช่วงแรกๆ เธอเอาโทรศัพท์ที่ซ่อมเสร็จไปจำนำเพื่อหมุนเงินมาใช้หนี้ เมื่อได้พนันบอลก็จะเอาเงินที่ได้ไปไถ่โทรศัพท์แล้วนำมาส่งคืนให้แก่ลูกค้า หรือหากเสียพนันอีก ก็จะนำเอาเครื่องที่เพิ่งจะซ่อมเสร็จไปจำนำต่อ และไถ่ถอนเอาเครื่องเก่าที่จำนำอยู่แล้วเอามาส่งคืนให้ลูกค้าก่อน ทำอย่างนี้หมุนเวียนกันไปเรื่อย ๆ การพนันก็มีได้บ้างเสียบ้างก็ว่ากันไป แต่ช่วงหลังส่วนใหญ่เธอจะเสีย และจำนวนโทรศัพท์ที่นำไปจำนำไว้นั้นก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเอาไปจำนำครั้งละเป็นสิบเครื่อง รวมแล้วประมาณ 300 เครื่อง เมื่อเสียพนันหนัก ๆ เข้า จนคิดว่าไม่สามารถที่จะหาเงินมาไถ่ถอนได้แน่แล้ว น้องตาก็คิดจะหนีปัญหาโดยการฆ่าตัวตาย โดยใช้มีดโกนกรีดที่ข้อมือทั้งสองข้างเพื่อให้จบชีวิตลงในที่สุด
แต่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นไปดังที่เธอคาดการณ์ไว้ เดชะบุญที่มีคนเข้าไปพบเธอนอนหายใจรวยริน จมกองเลือดและช่วยพาเธอออกจากห้องพักแล้วนำส่งโรงพยาบาลเสียก่อน เธอจึงรอดตายอย่างหวุดหวิด เมื่อพ่อแม่ทราบข่าวก็มารับ และพาตัวเธอกลับไปพักฟื้นที่บ้านจังหวัดเพชรบูรณ์ ขณะที่ทั้งพ่อ,แม่และตัวน้องตามานั่งอยู่ต่อหน้าผมที่บ้าน ผมเห็นพ่อของเธอต้องคอยป้อนน้ำให้เธอดื่ม เพราะมือทั้งสองข้าง ของเธอไม่สามารถที่จะหยิบจับอะไรได้ ดูได้จากสภาพที่แขนทั้งสองข้างยังใส่เฝือกอยู่ เห็นแล้วน่าใจหาย ผมจึงได้พูดกับน้องตาว่า “ นี่เห็นไหม ไม่ว่าลูกจะผิดหรือถูก ถึงอย่างไรพ่อแม่ก็ไม่ทอดทิ้ง พ่อเขาอุตส่าห์เอาโฉนดมาด้วย เพื่อหวังจะมาไถ่ชีวิตลูก เพราะไม่อยากเห็นลูกเข้าคุก” เธอถึงกับนั่งซึม
เราทั้งหมดปรึกษากัน ซึ่งจะต้องติดตามโทรศัพท์คืนจากร้านที่รับจำนำเอาไว้ โดยได้วางแผนให้น้องตานำเงินสดจำนวนห้าหมื่นบาท ไปไถ่โทรศัพท์ออกมา จำนวน 10 เครื่อง(จำนำไว้เครื่องละห้าพันบาท) เพื่อที่จะใช้เป็นหลักฐานในการกระทำความผิด แล้วผมได้พาน้องเอก(ผู้เสียหาย) และน้องตา ไปแจ้งความเป็นคดียักยอกทรัพย์ และลงบันทึกประจำวันที่ สน.ลาดพร้าว จากนั้นกระผมกับนพพล, สายสืบ สน.ลาดพร้าว ซึ่งมีพี่บัง กับจ่ากี้ และน้องตากับเพื่อน จึงพากันเดินทางนำเงินไปไถ่โทรศัพท์ เมื่อไปถึงร้านขายโทรศัพท์ ใกล้กับเคเอสแมนชั่น ซึ่งอยู่ภายในซอยมหาดไทย(ลาดพร้า 122) ผมกับนพพลหาที่นั่งกินอาหารตามสั่งสังเกตการณ์อยู่ใกล้ ๆ ดาบบังกับจ่ากี้ นั่งซุ่มดูอยู่ในรถไม่ห่างจากร้านนัก หลังจากที่น้องตาและเพื่อนเดินเข้าไปคุยกับชายหนุ่มที่อยู่ในร้านเป็นเวลานานมาก ต่อมากระผมเห็นพ่อกับแม่ของน้องตาและญาติอีกคนหนึ่งเดินเข้าไปในร้านอีก อ้าว...! สถานนะการณ์ชักจะไม่เป็นไปตามแผนเสียแล้ว เพราะฉากนี้จะต้องไม่มีพ่อแม่น้องตาเข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด เรื่องราวน่าจะไปกันใหญ่(ควบคุมไม่ได้) เนื่องจากดาราแต่ละคนไม่เล่นกันตามบทที่กระผมสั่งเอาไว้ คนหกคนพากันเข้าไปยัดกันอยู่ในร้านโทรศัพท์ ที่ทำจากตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งพื้นที่ภายในน่าจะเล็กมาก จนคนล้นออกมาถึงข้างนอก ซึ่งเมื่อสถานการณ์พลิกผันไป จนไม่สามารถที่จะคาดเดาได้ กระผมและทีมงานจึงตัดสินใจที่จะขึ้นเวที เปิดการแสดงสดเลย เมื่อผมเข้าไปพบกับน้องเฟิสต์(นามสมมติเจ้าของร้าน) จึงได้แจ้งให้เขาทราบว่า น้องได้รับจำนำโทรศัพท์ที่ได้มาจากการยักยอกทรัพย์ไว้เป็นจำนวนมาก กระผมจึงขอเชิญตัวไปเจรจาสอบถาม ที่ สน.ลาดพร้าว กระผมได้ให้น้องเจ้าของร้านโทรศัพท์บอกให้พ่อของเขาตามไปที่ สน. ลาดพร้าว ในที่สุดเมื่อทุกคนมาถึงทั้งฝ่ายน้องตา(พนักงาน) ซึ่งบัดนี้กลายเป็นผู้ต้องหา ในคดียักยอกทรัพย์นายจ้างเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับพ่อแม่ ส่วนทางฝ่ายร้านรับจำนำโทรศัพท์ คือน้องเฟิสต์ และพ่อได้ตามมาถึงแล้ว ทุกคนได้เข้ามานั่งภายในห้องสืบสวนของ สน.ลาดพร้าว
เมื่อดาราคุกคนมาพร้อมแล้ว กระผมจึงได้กล่าวเปิดตัวผู้แสดง โดยการแจ้งให้ทุกคนทราบว่า กระผมชื่อ พ.ต.อ. ณัฏฐ์พัชร์ ฯ ได้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหาย คือน้องเอก ให้ติดตามสืบหาโทรศัพท์ที่หายไปและแจ้งความดำเนินคดีกับน้องตา ในข้อหายักยอกฯ ต่อมาน้องตาให้การซักทอดว่า ได้นำโทรศัพท์ทั้งหมด 300 เครื่องไปจำนำไว้ที่ร้านของน้องเฟิสต์ กระผมจึงได้ไปเชิญตัวน้องเฟิสต์มาเพื่อพูดคุยสอบถาม
ครู่หนึ่ง ชายสูงวัยพ่อของน้องเจ้าของร้านก็ได้พูดขึ้นมาว่า “ขอดูบันทึกแจ้งความด้วยครับ” กระผมจึงได้ยื่นบันทึกประจำวันเกี่ยวกับคดี ที่ได้ถ่ายสำเนาเอาไว้ให้ดู เมื่ออ่านดูแล้วชายคนนั้นได้พูดขึ้นมาว่า “ไม่เห็นว่าจะมีการแจ้งข้อกล่าวหากับลูกชายผม เอาไว้เลยนี่ครับ” กระผมจึงได้ตอบคำถามกับชายผู้นั้นว่า “ใช่ครับ เรายังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหากับลูกชายคุณ” ซึ่งชายคนนั้นก็ได้พูดว่า “ ไหน ๆ ก็เปิดตัวแล้วกระผมขอแสดงตัวผมบ้าง พอพูดจบก็ควักบัตรทนาย(ใบอนุญาตว่าความ)มาให้ผมดู ซึ่งกระผมได้อ่านชื่อเจ้าของบัตรแล้ว มียศ ร.ต.ต. นำหน้าชื่ออยู่ จึงได้เงยหน้าไปถามว่า “พี่เป็นตำรวจเหรอครับ เกษียณนานหรือยัง” ชายผู้นั้นตอบว่า เกษียณมาสองปีแล้ว ผมยกมือไหว้ แล้วพูดอธิบายกับเขาว่า ที่กระผมไม่ได้แจ้ง ข้อกล่าวหาและบันทึกลงไปในสมุดประจำวันคดี ก็เพราะผมเห็นว่าคดียักยอกนั้นเป็นคดีอาญาที่สามารถจะยอมความกันได้ แต่ในส่วนของลูกชายพี่ มันเป็นคดีรับของโจร ซึ่งหากพยานหลักฐานชี้ชัดแล้วว่าลูกชายพี่รับจำนำโทรศัพท์ เอาไว้จริง ๆ ผมเกรงว่าถ้าแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้วลูกชายพี่อาจจะ รับไม่ไหว เพราะการรับจำนำโทรศัพท์มาตั้ง 300 เครื่องนั้น มีเอกสารการรับจำนำครบ ซึ่งโทรศัพท์มือถือมากมายขนาดนั้น น่าจะสงสัยบ้าง...! ว่าอาจจะได้มาโดยผิดกฎหมาย และที่สำคัญคือ มันคงไม่ใช่การนำมาจำนำครั้งเดียวแน่ ๆ ครับ รับของโจรนั้นโทษจำคุกกรรมละ 5 ปี ถ้าน้องเอามาจำนำครั้งละ 10 เครื่อง ก็น่าจะเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ ทั้งหมด 30 กรรม พี่จะให้แจ้งข้อหาดำเนินคดีเลยไหมครับ หรือเราจะคุยกันก่อนดีครับ เพราะถ้าหากคดียักยอกซึ่งเป็นคดีแม่ยังไม่เกิด โดยสามารถตกลงกันได้ คดีลูกคือคดีรับของโจร(ซึ่งยอมความไม่ได้)ก็จะถูกตัดตอนไป ไม่เกิดขึ้น จริงป่ะครับ” สรุปแล้วพี่เขายอมที่จะพูดจาประนีประนอมกัน จนในที่สุดก็สามารถตกลงกันได้ โดยพ่อและแม่ของน้องตายินยอมที่จะเซ็นชื่อรับสภาพหนี้ ไปเป็นจำนวนเงิน 1,500,000 บาท (หนึ่งล้านห้าแสนบาทถ้วน) บวกกับ ค่าโทรศัพท์เครื่องที่ไม่สามารถที่จะนำมาคืนได้ เนื่องจากได้จำหน่ายออกไปด้วยเห็นว่าพ้นกำหนดไถ่ถอนอีก 19 เครื่อง ซึ่งตีราคาเป็นคร่าว ๆ อีก 200,000 บาท(สองแสนบาทถ้วน) ศิริรวมแล้วคุณพ่อคุณแม่น้องตายอมชดให้เงินให้กับร้านรับจำนำโทรศัพท์ รวมทั้งสิ้น 1,740,000 บาท(หนึ่งล้านเจ็ดแสนบาทสี่หมื่นบาทถ้วน)
หลังจากได้มีการนำเอาเครื่องโทรศัพท์ มาตรวจนับและส่งคืนกันเรียบร้อยแล้ว น้องเอก(ผู้เสียหาย) ก็ได้นำเงินสดใส่ซองมอบให้ทีมงานตำรวจสายสืบ สน.ลาดพร้าว เพื่อตอบแทนและเป็นสินน้ำใจจำนวนสองหมื่นบาท แล้วพาผมมาส่งบ้าน แถมเงินสดใส่ซองให้มาอีกสองหมื่นบาท โดยบอกกับผมว่า “อันนี้ผมให้พี่แหล๋วนะครับ ถ้าไม่ได้พี่ช่วยผมคงต้องใช้หนี้เขาแย่แน่เลยครับ”จริงอย่างที่น้องเอกบอกนั่นแหละครับ ถ้าหาโทรศัพท์มาคืนให้แก่ลูกค้าทั้ง 300 รายไม่ได้ มีหวังต้องชดใช้เต็มราคาเครื่องใหม่ หลายล้านบาทแน่ (เครื่องละสองหมื่นกว่าบาทเท่านั้นเองครับ)
ผลพลอยได้จากคดีนี้ ถึงแม้น้องเขาจะได้ให้สินน้ำใจบ้างไม่มากมายอะไร ผมก็ได้ความภาคภูมิใจที่สร้างความสุขให้กับชีวิต และทำให้ได้เกิดจุดประกายความคิด เมื่อมีคนมาปรึกษาหรือขอความช่วยเหลือในเรื่องคดีต่าง ๆ ถึงแม้กระผมจะลาออกจากราชการตำรวจมาแล้ว แต่ยังสามารถที่จะช่วยเหลือ ผู้อื่นได้ แสดงว่า วิชาอาคม ในเรื่องตำรวจ และคาถาต่าง ๆ ซึ่งสั่งสมอยู่ในตัวผมนั้นยังไม่เสื่อม
การที่กระผมเกษียณตัวเอง ลาออกจากราชการคนเดียว เพื่อน ๆ ของกระผมไม่มีใครลาออก ยังคงรับราชการอยู่ทั่วประเทศ กระผมสามารถที่จะทำงานสืบสวนได้ใกล้เคียงกับเมื่อก่อน กระผมเป็นผู้กำกับ(การแสดง)ที่ยังสามารถรับดำเนินคดี ทั้งคดีอาญา,คดีแพ่ง และคดีอื่น ๆ ได้ทั่วราชอาญาจักร ผมสามารถดำเนินการได้เลย โดยไม่ต้องรอคำสั่งหรือนโยบายของผู้บังคับบัญชา และในบัตรตำรวจของผมระบุว่าเป็นข้าราชการบำนาญ กระผมไม่ได้เอาตำแหน่งหน้าที่ของทางราชการมาเรียกรับผลประโยชน์ โดยทุจริตเลยแม้แต่น้อย เมื่อคิดทบทวน พิจารณาโดยละเอียดรอบคอบแล้ว จึงได้ไปจดทะเบียนจัดตั้ง ห้างหุ้นส่วน สน.เอกชน ขึ้นมา โดยได้วางแนวทางในการดำเนินการแบบเดียวกันกับโรงพยาบาลเอกชน โรงเรียนเอกชน มหาวิทยาลัยเอกชน และกิจการเอกชนอื่น ๆ ที่เห็นกันอยู่โดยทั่วไป
ต่อไปนี้ผมจะได้ทำงานที่ตัวเองชอบและมีความถนัด มีเวลาและมีโอกาสที่จะได้เดินทาง ไปทำคดีและไปพบปะกับเพื่อน ๆ ที่ยังรับราชการและปฏิบัติหน้าที่อยู่ในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยไม่ต้องรอคำสั่งย้าย เพราะจ่าเพียร หรือ พ.ต.อ.สมเพียร เอกถมยา ได้เคยหวังเอาไว้เช่นกันว่า อยากมีโอกาสและเวลาไปนั่งจิบน้ำชากับเพื่อน ๆ หลังจากเกษียณแล้ว ซึ่งไม่ได้รับโอกาสนั้น และที่สำคัญที่สุดคือ ไม่มีใครย้ายกระผมออกจากตำแหน่งนี้ได้อีกแล้ว
ต่อไปนี้ผมจะได้ทำงานที่ตัวเองชอบและมีความถนัด มีเวลาและมีโอกาสที่จะได้เดินทาง ไปทำคดีและไปพบปะกับเพื่อน ๆ ที่ยังรับราชการและปฏิบัติหน้าที่อยู่ในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยไม่ต้องรอคำสั่งย้าย เพราะจ่าเพียร หรือ พ.ต.อ.สมเพียร เอกถมยา ได้เคยหวังเอาไว้เช่นกันว่า อยากมีโอกาสและเวลาไปนั่งจิบน้ำชากับเพื่อน ๆ หลังจากเกษียณแล้ว ซึ่งไม่ได้รับโอกาสนั้น และที่สำคัญที่สุดคือ ไม่มีใครย้ายกระผมออกจากตำแหน่งนี้ได้อีกแล้ว พ.ต.อ. ดร. ผู้กำกับ(การแสดง)สน.เอกชน